วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

http://health.kapook.com/view48253.html

ข้อมูล

ข้อมูล
http://www.n3k.in.th/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3?start=20

สรรพคุณของฝรั่ง "แก้อาการท้องเสีย"

ผลฝรั่งสรรพคุณของฝรั่ง "แก้อาการท้องเสีย"

ใครที่มีมักจะมีอาการท้องเสียอยู่บ่อยครั้งสรรพคุณของฝรั่งช่วย คุณได้ค่ะ เอ๋ ๆ ๆ ๆ หลาย ๆ คนคงจะยังไม่เคยทราบใช่ไหมล่ะค่ะว่าใน สรรพคุณของฝรั่ง นั้นช่วยรักษาอาการท้องเสียได้เป็นอย่างดีเลยทีเีดียวค่ะ อาการรู้รึยังค่ะว่าใน สรรพคุณของฝรั่ง นั้นต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะช่วยรักษาอาการท้องเสียได้วันนี้เราก็ได้รวบรวม ความรู้สรรพคุณของฝรั่งมาฝากคุณ ๆ กันด้วยค่ะ ต่อไปนี้เมื่อมีอาการท้องเสียก็อย่าลืมนึกถึงสรรพคุณของฝรั่งกันด้วยนะค่ะ อีกหนึ่งผลไม้ดี ๆ ที่มีคุณประโยชน์อนันเลยว่าไหมค่ะ ได้ทั้งความอร่อยแล้วยังช่วยร่างกายของเราได้อีกว่าไหม


สรรพคุณของฝรั่ง


สรรพคุณของฝรั่ง


- นำใบฝรั่งมาล้างน้ำให้สะอาด ประมาณ 10-15 ใบ แล้วโขลกพอแหลก ใส่น้ำ 1 แก้วใหญ่ นำไปต้มใส่เกลือพอมีรสเค็มพอเดือดยกลงนำมาดื่ม

- นำผลฝรั่งอ่อน ๆ มาฝานเอาแต่เปลือกกับเนื้อเท่านั้น เมล็ดทิ้งไปใส่เกลือเล็กน้อยแล้วกินรวมกันหรือจะใช้ต้มดื่มเป็นน้ำฝรั่งก็ได้

- นำใบฝรั่งสดที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไปมาตัดหัวตัดท้ายแล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ สักครู่ตักน้ำที่ได้จากการแช่ใบฝรั่งมาจิบทีละนิดอย่าจิบมากจะทำให้ท้องผูก ได้

ถ้าใครที่ท้องเสียลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติกันดูได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้

น้ำผลไม้สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้

เรื่องของอาหารสุขภาพรวมถึงน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพนั้นสมัยนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากค่ะ เราเลยได้โอกาสนำประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้มา ฝากกันอีกด้วยค่ะ เพื่อให้คุณผู้หญิงหรือใครก็ตามที่ชอบรักษาสุขภาพได้ลองเลือกน้ำผักผลไม้ได้ อย่างตรงตามเป้าหมายในสุขภาพของคุณค่ะ เพราะใน ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ นั้นมีมากมายทีเดียวและวันนี้เราก็นำ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ รวมถึง สรรพคุณของน้ำผักผลไม้ แต่ละชนิดมาฝากกันอีกด้วยค่ะ ใครอยากรู้ก็มาดูประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้กันได้เลย ค่ะ

สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้


น้ำขจัดสารพิษหากขาดน้ำร่างก่ายก็ไม่สามารถอยู่ได้เพราะน้ำจะช่วยลำเลียงสาร อาหารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ช่วยขจัดสารพิษปรับระดับอุณหภูมิให้ร่างกายดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละ ประมาณ 1.5 ลิตร

- ชา


ป้องกันโรคฟันผุ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ ไม่มีแคลอรี ในชาเขียวและชาดำมีฟูลออไรด์เป็นจำนวนมากที่จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและ ยับยั้งฟันผุ เพื่อให้ได้ผลควรดื่มชาร้อนหรือชาอุ่น ๆ และไม่ควรดื่มชาที่เหลือค้างคืน


- โยเกิร์ต


ช่วยขจัดสารพิษ และโยเกิร์ตมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญสำหรับน้ำในร่างกาย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีประโยชน์สำหรับดวงตาและผิวกรดนมในโยเกิร์ตช่วยขจัด สารพิษออกจากร่างกายและให้ประโยชน์กับแบคทีเรียในลำไส้


- นม


ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และในนมมีโปรตีนสูงซึ่งง่ายต่อการย่อยและมีแคลเซียมสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยชราและกรดไขมันในนมจะช่วยให้เส้นเลือด ยืดหยุ่น


- น้ำแอปเปิ้ล


ป้องกันมะเร็ง น้ำแอปเปิ้ลสด ๆ มีคุณค่ามากที่สุดช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนพลังและป้องกันมะเร็งช่วยให้มีสมาธิ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ต้องเป็นแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการแว็กซ์ หากไม่แน่ใจก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลทิ้งแม้ว่าเปลือกของมันจะมีประโยชน์ก็ตาม

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้


- น้ำลูกแพร์


ป้องกันความเครียด มีกรดโฟลิกสูงซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขช่วยให้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส


- น้ำผัก


ป้องกันโรคอ้วนเหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่งเพราะมีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผล ไม้และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ควรดื่มน้ำผักสดที่ปั่นเเองและไม่เติมน้ำตาลที่สำคัญคือควรเป็นผักปลอดสาร พิษ


- น้ำแครอท


บำรุงสายตาและป้องกันมะเร็งเพื่อให้การดูดซึมวิตามินเอจากแครอทได้ดี ขึ้นควรรับประทานอาหารที่มีไขมันตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำแครอทมากเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเนื่องจาก วิตามินเอจะถูกกักเก็บไว้ในตับ


- น้ำมะเขือเทศ


ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวอ่อนวัย ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศให้อร่อยควรเติมพริกไทยและเกลือลงไปด้วย ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็งและป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อน วัย หากเป็นมะเขือเทศทีผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนก็จะยิ่งมีไลโคปีนมากกว่า มะเขือเทศดิบ ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน

มะพร้าวอ่อนสรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อนนั้นมีมากมายจริง ๆ เลยค่ะ ใครชอบดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนเนี่ยอาจะได้เปรียบจริง ๆ เลยนะ เพราะคุณรู้หรือไม่ว่าใน สรรพคุณของน้ำมะพร้าวอ่อน นั้นช่วยชะลอโรคอัลไซเมอร์ได้ ฉะนั้นแล้วใครชอบดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนก็เฮกันได้เลยนะเนี่ยว่าคุณจะไม่เป็นโรค อัลไซเมอร์ก่อนใคร ฉะนั้นเมื่อเรารู้ถึง สรรพคุณของน้ำมะพร้าว ที่มากมายขนาดนี้ก็หันมาดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนกันบ้างนะค่ะ และใน ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน ก็ยังช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณให้แลดูสวยเปล่งปลั่งอีกด้วยนะค่ะ นั้นเรามาดู ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน และ สรรพคุณของน้ำมะพร้าวอ่อน กันเลยค่ะ


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน


สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวอ่อน


งานวิจัยชั้นเยี่ยมจากดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า น้ำมะพร้าวอ่อนช่วยชะลอเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้เนื่องจากมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง

ข้อสรุปนี้ได้จากการทดลองกับหนูขาวเพศเมีย 2 กลุ่ม ที่ตัดรังไข่ออกเพื่อเป็นตัวแทนสตรีวัยทองเพราะเชื่อกันว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและ ปัจจัยด้านอายุที่ผู้หญิงมักมีอายุยืนกว่าผู้ชาย (จึงมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่า)

ผลการวิจัยพบว่า หนูกลุ่มที่ได้รับน้ำมะพร้าวเป็นเวลา 5 สัปดาห์ มีอาการของโรคอัลไซเมอร์น้อยกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับน้ำมะพร้าวอ่อน ซึ่งผู้วิจัยจะพัฒนาน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นอาหารเสริมและยาเพื่อชะลอการเกิดโรค อัลไซเมอร์ต่อไป นอกจากนี้ยังพบอีกว่าน้ำมะพร้าวอ่อนช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้นและไม่มีแผล เป็นด้วยซึ่งอาจมีการสกัดน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นยาสมานแผลและเครื่องสำอางต่อไป ในอนาคต

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อสมท. ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

เครื่องเทศและสมุนไพร "สรรพคุณมากมาย"

เครื่องเทศเครื่องเทศและสมุนไพร "สรรพคุณมากมาย"

เครื่องเทศและสมุนไพรมีสรรพคุณเป็นยาที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ถึงอยู่ที่แต่ละคนจะนำไปใช้กันค่ะ และไม่ใช่เพียงเท่านั้นใน เครื่องเทศและสมุนไพร นั้นยังจัดเป็นสิ่งที่ช่วยในการปรุงอาหารได้รสเยี่ยมอีกต่างหาก ฉะนั้นแล้วเมื่อเราจะปรุงอาหารทั้งทีก็อย่าลืมที่ลองนำ เครื่องเทศและสมุนไพร ไปใส่อาหารตอนปรุงรสดูกับเค้ากันบ้างนะจ๊ะ และวันนี้เรามี 9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันมะเร็ง และช่วยรักษาและเยี่ยวยาโรคต่าง ๆ ได้อีกค่ะ

9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย


1. พริกแดงแห้ง สารประกอบแคปไซซินที่ทำให้เกิดความเผ็ดร้อนในพริกอาจช่วยลดความเสี่ยงของการ เป็นมะเร็งผิวหนังและลำไส้ใหญ่ การศึกษายังพบด้วยว่ามันทำให้คนเรากินน้อยลง

2. ลูกจันทน์ มีสารประกอบที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรียและช่วยต่อสู้เชื้ออีโคไลและแซลโมเนลล่า (ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วง)

3. ยี่หร่า เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์และสารต้านอาการอักเสบที่ทรงประสิทธิภาพที่อาจช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายได้

4. ขมิ้น ประกอบด้วยสารที่เรียกว่าเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งอาจช่วยหยุดยั้งมะเร็งไม่ให้แพร่กระจายได้และช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2

เครื่องเทศและสมุนไพร


5. อบเชย แค่กินวันละ 1/4-1/2 ช้อนชา สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรต์ได้ในคนที่ เป็นเบาหวานประเภทที่ 2

6. ขิง สามารถระงับอาการคลื่นไส้และอาจบรรเทาอาการจุกเสียดหน้าอก (จากโรคกรดไหลย้อน) และอาการบวมน้ำ

7. เซจ (Sage) เครื่องเทศชนิดนี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตและโดยทั่วไปช่วยลดความเสี่ยงของคุณในการเป็นโรคหัวใจได้

8. สะระแหน่ อุดมด้วยวิตามินซีและเอ สามารถช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยและอาการระคายเคืองในระบบขับถ่าย

9. กระเทียม ทำลายเซลล์มะเร็งและอาจขัดขวางการเผาผลาญพลังงานของเซลล์เนื้อร้าย คาเรน คอลลินส์ นักโภชนาการที่ปรึกษาของ American Institute for Cancer Research บอกเช่นนั้น และการศึกษาบ่งชี้ว่าการกินกระเทียมสองหัวต่อสัปดาห์ให้ประโยชน์ในการ ป้องกันมะเร็งได้ โดยหลังจากสับกระเทียมแล้วให้ทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อให้สารเคมีที่มีประโยชน์ซึมซาบออกมา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร

สรรพคุณสมุนไพรน่ารู้! สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร

วันนี้เรามีสมุนไพรช่วยย่อยอาหารมาฝากคนรักสุขภาพและชอบ ที่จะดูแลตัวเองค่ะ สำหรับ สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร นี้จะเหมาะอย่างมากกับคนที่มักจะมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องอยู่เป็นประจำ ซึ่ง สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณได้แถมยังไม่ต้องพึ่งยาเลยนะจ๊ะขอบอก ก็แหม๋อะไรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรก็ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการ รักษาหรือทำให้อาการของคุณนั้นบรรเทาเบาบางลงไปได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ นั้นอย่ารอช้าเลยดีกว่าเรามาดูสมุนไพรช่วยย่อยอาหารกันเลยค่ะว่าจะมีอะไรกัน บ้างน๊า...

7 สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร


1. กระเทียม


กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้านเมื่อรับประทานเข้าไปสารใน กระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจากอาหารไม่ย่อยอยู่บ่อย ๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือกนำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียดรับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหารอาการจะค่อย ๆ หายไป


2. หอมเล็ก


มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดโดยเฉพาะยำต่าง ๆ


3. พริกสด


พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมา มากซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนูแต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร


4. ข่า


ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารเช่นกันวิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้ อร่อยเหมือนผักอื่น ๆ ก็คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ


5. ตะไคร้


ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สด ๆ ก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ก็อร่อยไม่เบา


6. ใบแมงลัก


ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะหอมโล่งจมูกและน้ำมันหอมระเหยหอม ๆ นี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหารคุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที


7. ใบกะเพรา


มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป


สมุนไพร ทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดีปลูกไว้ในบ้านก็ได้เพราะปลูกง่ายทุกชนิด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ชีวจิต ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

น่ารู้! สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร

สรรพคุณสมุนไพรน่ารู้! สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร

วันนี้เรามีสมุนไพรช่วยย่อยอาหารมาฝากคนรักสุขภาพและชอบ ที่จะดูแลตัวเองค่ะ สำหรับ สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร นี้จะเหมาะอย่างมากกับคนที่มักจะมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องอยู่เป็นประจำ ซึ่ง สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณได้แถมยังไม่ต้องพึ่งยาเลยนะจ๊ะขอบอก ก็แหม๋อะไรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรก็ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการ รักษาหรือทำให้อาการของคุณนั้นบรรเทาเบาบางลงไปได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ นั้นอย่ารอช้าเลยดีกว่าเรามาดูสมุนไพรช่วยย่อยอาหารกันเลยค่ะว่าจะมีอะไรกัน บ้างน๊า...

7 สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร


1. กระเทียม


กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้านเมื่อรับประทานเข้าไปสารใน กระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจากอาหารไม่ย่อยอยู่บ่อย ๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือกนำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียดรับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหารอาการจะค่อย ๆ หายไป


2. หอมเล็ก


มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดโดยเฉพาะยำต่าง ๆ


3. พริกสด


พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมา มากซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนูแต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร


4. ข่า


ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารเช่นกันวิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้ อร่อยเหมือนผักอื่น ๆ ก็คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ


5. ตะไคร้


ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สด ๆ ก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ก็อร่อยไม่เบา


6. ใบแมงลัก


ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะหอมโล่งจมูกและน้ำมันหอมระเหยหอม ๆ นี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหารคุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที


7. ใบกะเพรา


มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป


สมุนไพร ทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดีปลูกไว้ในบ้านก็ได้เพราะปลูกง่ายทุกชนิด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ชีวจิต ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็

ประโยชน์ และ สรรพคุณสมุนไพรจีน รวมถึงโทษของสมุนไพรจีน

คุณสมุนไพรจีนประโยชน์ และ สรรพคุณสมุนไพรจีน รวมถึงโทษของสมุนไพรจีน

สมุนไพรจีนนั้นมีมาช้านานมากแล้วในเมืองไทยและวันนี้เราจึงของนำความรู้ในเรื่องประโยชน์ของสมุนไพรจีนและสรรพคุณสมุนไพรจีนรวม ถึงโทษของสมุนไพรจีนหากว่าบริโภคมากเกินไป ใครที่ชอบรับประทานสมุนไพรจีนจึงต้องควรศึกษาถึง สรรพคุณสมุนไพรจีน กันสักหน่อยเพื่อให้ได้ประโยชน์ของ สรรพคุณสมุนไพรจีน กันอย่างครบถ้วนและบำรุงร่างกายได้อย่างสูงสุด แต่ในเรื่องของโทษในสมุนไพรจีนนั้นก็จะมีข้อควรระวังกันสักเล็กน้อย ฉะนั้นแล้วเราก็มาดู ประโยชน์ของสสมุนไพรจีน สรรพคุณสมุนไพรจีน


ประโยชน์ / สรรพคุณสมุนไพรจีน / โทษของสมุนไพรจีน


1. เห็ดหลินจือ


ในปี 2003 การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethnopharmacology ยืนยันว่าเห็ดหลินจือโดดเด่นในสรรพคุณของสารต้านอนุมูลอิสระ ผู้ป่วยเอดส์และมะเร็งบางรายจึงใช้เห็ดหลินจือในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเร่ง การผลิตเม็ดเลือดขาว บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้ชาย และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตหรือแพร่กระจายของเนื้องอกในร่างกาย อย่างไรก็ดีเห็ดหลินจืดมีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง เช่น อาจทำให้คลื่นเหียน คัน และหากกินมากเกินไปอาจกระตุ้นอาการบ้านหมุนก็ได้


2. เก๋ากี้


มีชื่ออินเตอร์ว่า "โกจิเบอร์รี่" (แต่คนไทยอาจจะคุ้นเคยกับชื่อภาษาจีนมากกว่า) เห็นเล็ก ๆ อย่างนี้ แต่ก็เต็มไปด้วยสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม วิตามินบี 2 วิตามิน และยังมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อีกด้วย แม้โดยรวมจะไม่มีการพิสูจน์ทางคลินิกแต่ก็เชื่อกันว่าเก๋ากี้มีสรรพคุณเป็น ยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ


3. เกาลัดจีน


เกาลัดต่างจากถั่วหรือเมล็ดพืชอื่น ๆ ตรงที่มันมีไขมันน้อยมาก แต่กลับเป็นถั่วชนิดเดียวที่มีวิตามินซีเทียบเท่ากับมะนาว แน่นอนว่ามันเป็นพืชจึงไม่มีคอเลสเตอรอล เกาลัดจีนมีสารอาหารคล้ายข้าวกล้อง จึงมีคำกล่าวว่ามันคือ "ธัญพืชที่เกิดบนต้นไม้" ด้วยความที่มันมีกรดโฟลิก วิตามินซี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มันจึงเป็นหนึ่งในอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายได้ดีที่สุด นอกจากนี้ชาวจีนโบราณยังเชื่อว่าเกาลัดจะช่วยให้ลมหายใจหวานสดชื่นอีกด้วย


4. เก๊กฮวย


ชาเก๊กฮวยถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านมานานในฐานะยาลดไข้โดยมีสารอาหารทั้งวิตามิน เอ วิตามินบี1 กรดอะมิโน ฟลาวานอยด์ เชื่อกันว่ามันจะช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล "เลว" และบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก นอกจากนี้การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethnopharmacology ก็ยังเปิดเผยว่ามันมีสรรพคุณช่วยปกป้องระบบประสาทจากความแก่ชราหรืออาการบาด เจ็บต่าง ๆ ดังนั้น เป็นหนุ่มสาวก็ดื่มได้ประโยชน์ดีเช่นกัน

Tip : เปลี่ยนจากชาฝรั่งมาดื่มชาเก๊กฮวยกันบ้าง โดยนำดอกเก๊กฮวยแห้งแช่ในน้ำร้อนประมาณ 5 นาที ก็จะได้ชาเก๊กฮวยสีเหลืองที่หอมกลิ่นดอกไม้


5. แปะก๊วย


เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหับสุภาพสตรีที่กำลังเข้าสู่วัยทอง เนื่องจากมันมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อไฟโตเอสโตรเจนซึ่งอาจช่วยทำหน้าที่ แทนฮอร์โมนที่ไม่สมดุลได้ นักวิจัยจึงเชื่อว่ามันมีสรรพคุณบรรเทาอาการของวัยของหลายอย่าง ได้แก่ โรคกระดูกพรุน โรคนอนไม่หลับ อัลไซเมอร์ และโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม การกินแปะก๊วยก็อาจให้ผลข้างเคียง อย่างเช่น ท้องร่วง ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้อาเจียน เลือดไหลหรือผิวช้ำผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าวก็ให้รีบไปพบแพทย์เสีย

ประโยชน์ และ สรรพคุณสมุนไพรจีน รวมถึงโทษของสมุนไพรจีน


6. เห็ดหอม


อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามินซี โปรตีน และใยอาหาร เห็ดหอมอยู่ในตำรับยาจีนมานานกว่า 6 พ้นปี โดยเชื่อว่ามันสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้เพราะมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Letinan คอยต่อสู้กับเชื้อไวรัสต่าง ๆ มันอัดแน่นไปด้วย L-Ergothioneine สารต้านอนุมูลอิสระ และดีต่อหัวใจ เนื่องจากมันช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากในเห็ดหอมมีสาร Purines หากกินมากเกินไปแล้วอาจทำให้มีการสะสมกรดยูริกจนเสี่ยงต่อโรคเกาต์และนิ่วใน ไตอย่างมาก คนที่มีปัญหาไตหรือเกาต์จึงไม่ควรกินเห็ดหอม


7. เมล็ดบัว


เป็นแหล่งโปรตีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส รวมถึงเอนไซม์ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า L-lsoaspartyl Methyltransferase ซึ่งช่วยซ่อมแซมโปรตีนที่ถูกทำลาย นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อกันว่าเมล็ดบัวเป็นอาหารที่ช่วยชะลอความแก่ชราได้ใน ตำรับจีนเชื่อว่า รสหวานโดยธรรมชาติของเมล็ดบัวจะช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงและช่วยกล่อมเกลาจิต ใจทำให้นอนหลับสบาย ส่วนแกนของเมล็ดนั้นมีรสขมและมีฤทธิ์เย็นจึงดีต่อหัวใจโดยการช่วยขยายหลอด เลือดและลดความดันโลหิต อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยมีสรรพคุณรักษาอาการท้องร่วงคนที่ท้องผูกจึงควรหลีก เลี่ยงเมล็ดบัวโดยเด็ดขาด


8. โสม


หากพูดกันถึงสมุนไพรจีนคงขาดโสมไปไม่ได้โสมแดงของจีนนั้นถูกใช้ในทางการ แพทย์มาหลายศตวรรษและในปัจจุบันก็ยังมีการใช้อย่างแพร่หลาย ในสมัยโบราณเชื่อว่าโสมเป็นยาอายุวัฒนะส่งเสริมปัญญาและความแข็งแรง แม้ว่ายังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมแต่การศึกษาจาก University of Maryland ก็ชี้ว่าโสมสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้จริงช่วยลดคอเลสเตอรอลเลวและช่วยให้ กระปรี้กระเปร่า อย่างไรก็ดีโสมไม่เหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูงคนที่เป็นเบาหวาน สตรีมีครรภ์ และหญิงสาวที่กำลังให้นมบุตร


9. รากชะเอม


นอกจากใช้ในตำรับจีนแล้วยังสาวต้นตอไปได้ถึงสมัยโรมันซึ่งมีการต้มรากชะเอม เพื่อบรรเทาอาการไอ หอบ เจ็บคอ โรคปอดอื่น ๆ และเชื่อว่ามันจะช่วยชะล้างภายในลำไส้ได้ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้หญิงวัยทองเนื่องจากมันมีไฟโตเอสโตรเจนด้วย อย่างไรก็ตามการกินรากชะเอมมาก ๆ ก็อาจทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรกินพร้อมกับยาขับปัสสาวะ เช่นเดียวกับที่คนเป็นโรคเบาหวานกับโรคตับควรจะหลีกเลี่ยงรากชะเอมเหมือนกัน


10. เฉาก๊วย


ด้วยเหตุที่มันดำ แวววาว และเด้งดึ๋ง เป็นที่สุด คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนึกถึงเฉาก๊วยในแง่ของสมุนไพรหรืออาหารเพื่อสุขภาพ เฉาก๊วยมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Black Jelly หรือ Grass Jelly ซึ่งตัวมันเองเป็นอาหารที่มีธาตุหยินหรือเป็นอาหารเย็นนั่นเอง ทำให้เหมาะจะกินในหน้าร้อนและบรรเทาอาการปวดท้อง คลื่นเหียน อาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ยังมีใยอาหารชนิดละลายในน้ำ ซึ่งอาจจับเอาน้ำตาลและไขมันออกมาได้ มันจึงช่วยป้องกันเบาหวานและโรคหัวใจได้อีกทางหนึ่ง (ตราบใดที่คุณไม่ใส่น้ำเชื่อมเยอะมากเกินไปละก็นะ)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของดอกไม้

สมุนไพรสรรพคุณ และ ประโยชน์ของดอกไม้

วันนี้เรามีสรรพคุณของดอกไม้และประโยชน์ของดอกไม้มาฝากกันด้วยนะจ๊ะ สำหรับ ของดอกไม้ สรรพคุณของดอกไม้ และ ประโยชน์ของดอกไม้ มีคุณค่ามากกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก และวันนี้เราก็ขอนำ สรรพคุณของดอกไม้ และ ประโยชน์ของดอกไม้ 4 ชนิดด้วยกันมาบอกเล่าถึงสรรพคุณของดอกไม้และประโยชน์ของดอกไม้ที่จะช่วยใน เรื่องสุขภาพให้แก่คุณๆ ใครที่ยังไม่ค่อยจะรู้จักกับสรรพคุณของดอกไม้และประโยชน์ของดอกไม้กันเลย วันนี้ห้ามพลาดกับความรู้สำคัญเช่นนี้เลยนะค่ะเพราะว่าเราได้รวบรวมข้อมูลมา ให้ทุกคนกันแล้วล่ะค่ะ


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของดอกไม้


สรรพคุณ / ประโยชน์ของดอกไม้


1. เมล็ดทานตะวัน


อุดมด้วยวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน โลหิตทำให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและเบาหวานมีกากใยช่วยในการย่อยอาหารลดระดับคอ เลสเตอรอล มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายและบำรุงสมองด้วยสารทริปโตเฟนที่จะช่วย กระตุ้นการสร้างสารเชโรโทนินทำให้ความเครียดลดลงค่ะ


2. ชามะลิ


เชื่อมั้ยคะว่าชาชนิดนี้มีต้นกำเนิดย้อนไปถึง 700 ปี ณ ประเทศจีน มีสารต้านอนุมูลอิสระ Catechin ที่มีประโยชน์มากมายและช่วยลดโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหาร และโรคหลอดเลือดในสมองแตกลดอัตราชีพจร ความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอลแถมกลิ่นชามะลิยังช่วยปลอบประโลมจิตใจและ อารมณ์ได้


3. น้ำมันกุหลาบ


การศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒชี้ว่า กลิ่นจากน้ำมันกุหลาบทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ นอกจากนี้ ยังดีต่อผิวสามารถทำความสะอาดรูขุมขนและลดริ้วรอยได้ ลองหยดน้ำมันลงในอ่างอาบน้ำเพื่อลดอาการอักเสบที่ผิวดูสิคะ แถมยังต้านโรคภัยและช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันอีก แต่ถ้าจะใช้รับประทานสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนนะ คะ


4. รากบัว


เปี่ยมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามินบีและซี มีกากใยสูง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และบรรเทาอาการท้องผูก นอกจากนี้การดื่มน้ำรากบัววันละ 2-3 แก้วจะช่วยยับยั้งเลือดจากแผลในระบบทางเดินอาหารหรือเลือดกำเดาไหลได้ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของแก้วมังกร


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของแก้วมังกร

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของแก้วมังกร

ผลไม้แก้วมังกรอีกหนึ่งผลไม้ที่มีคุณค่าวันนี้เราจึงขอนำความรู้เรื่องประโยชน์ของแก้วมังกรและสรรพคุณของแก้วมังกรมาบอก เล่าให้รู้คุณค่าของ ประโยชน์ของแก้วมังกร และ สรรพคุณของแก้วมังกร ที่คุณยังไม่รู้ให้ได้ตอกย้ำความรู้ยิ่งเข้าไปอีกค่ะ อนึ่งคนไทยนั้นยังไม่ค่อยนิยมผลไม้อย่างแก้วมังกรเท่ากับคนไทยเชื้อสายจีน ค่ะ เพราะอาจเนื่องด้วยผลไม้แก้วมังกรนั้นเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างราคาสูงอยู่ในขณะ นี้ แม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่เมื่อเปรียบเทียวกับ ประโยชน์ของแก้วมังกร และ สรรพคุณของแก้วมังกร แล้วก็นับว่าคุ้มค่าอยู่มิใช่น้อยค่ะ ยิ่งเป็นคุณผู้หญิงที่กำลังคิดจะลดน้ำหนักด้วยแล้วใช้ผลไม้อย่าแก้วมังกรดี นักแลค่ะ นั้นเรามดูเรื่อง ประโยชน์ของแก้วมังกรและสรรพคุณของแก้วมังกร กันเลยดีกว่าค่ะ



สรรพคุณ / ประโยชน์ของแก้วมังกร


ผลไม้รูปร่างกลมรีขนาดใหญ่ เปลือกสีแดง เมื่อผ่าครึ่งจะเห็นเนื้อเป็นสีขาวมีเม็ดคล้ายเม็ดแมงลักฝังตัวอยู่ทั่วผล เนื้อสดหวานนุ่มชุ่มฉ่ำ เมื่อทานแล้วช่วยทำให้สดชื่นผ่อนคลายได้ดีทีเดียว

แก้วมังกรมี 2 ชนิดคือ สีขาวกับสีแดง สีแดงจะมีรสหวานกว่า ส่วนรสหวานของแก้วมังกรสีขาวเป็นหวานอ่อนๆ ที่ไม่มีพิษภัย จะมีก็แต่คนติดรสหวานที่อาจติว่าจืดชืดไปหน่อย ถ้าใครไม่ชอบก็ขอบอกว่า คุณได้พลาดผลไม้ที่มีประโยชน์สุดๆ ต่อสุขภาพและความงามไปอย่างน่าเสียดาย

ความโดดเด่นที่ทำให้สาวๆ หลายคนชอบกินผลไม้ชนิดนี้ก็เนื่องจากเป็นผลไม้ที่สามารถกินกันได้โดยไม่ต้อง ห่วงเรื่องไขมันและความหวานที่กลายไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง แถมยังกินอิ่มท้องจนทดแทนอาหารเย็น เป็นผลไม้ที่ใช้ช่วยลดน้ำหนักได้สบายๆ ทีเดียว

คุณค่าอาหารที่ซุกซ่อนอยู่ในแก้วมังกรก็มีทั้งแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามิน บี1 บี2 บี3 แต่ที่เยอะมากสุดก็คือวิตามินซี จึงช่วยทั้งในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ กระดูกและฟันแข็งแรง รวมทั้งช่วยในเรื่องของสายตาได้ด้วย

วิธีทานก็ง่ายๆ แค่ผ่าครึ่งลอกเปลือกหรือใช้ช้อนตักเข้าปากเลยก็ได้หรือจะนำไปทำเป็นเครื่อง ดื่ม ใส่สลัด เสิร์ฟคู่ไอศกรีม หรือขนมหวาน แก้วมังกรก็สามารถแทรกรสชาติไปกับทุกอย่างได้กลมกลืนและกลมกล่อม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อสมท. ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

หลากสรรพคุณ... 20 สมุนไพรไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

หลากสรรพคุณ... 20 สมุนไพรไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก

หลากสรรพคุณ... 20 สมุนไพรไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก


สมุนไพรไทย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก gpo.or.th , สสส. , กรมวิชาการเกษตร , โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

          กับ อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ น้ำร้อนลวก มดกัด ยุงกัด ท้องเสีย ท้องอืด ฯลฯ หลายคนมักจะเลือกใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยคิดว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วทันใจดี แต่ลองชะเง้อมองซิว่า รอบ ๆ บ้านมีพืชสมุนไพรไทยอะไรปลูกอยู่หรือเปล่า เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้สามารถนำมาใช้รักษาอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ได้ผลชะงัดนักแล แถมบางชนิดยังสามารถรักษาโรคยอดฮิต อย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็งได้ด้วย

          วันนี้ กระปุกดอทคอม ก็เลยขอหยิบสมุนไพรไทย 20 ชนิด ที่คนรู้จักดี มาบอกเล่าเก้าสิบถึงสรรพคุณของมันให้ฟังกันอีกครั้ง



ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้

 ว่านหางจระเข้

          ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์

          โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน "ยางในใบ" ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน "เหง้า" ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย


ขมิ้นชัน

ขมิ้นชัน

ขมิ้นชัน

          เรียกกันทั่วไปว่า "ขมิ้น" เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยมนำ "เหง้า" ทั้ง สดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุได้ด้วย

          นอกจากนั้น "ขมิ้นชัน" ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ "คูเคอร์มิน" ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ "ขมิ้นชัน" ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย

ทองพันชั่ง

ทองพันชั่ง

ทองพันชั่ง

          เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ "ทองพันชั่ง" หลายพื้นที่อาจเรียกว่า "ทองคันชั่ง" หรือ "หญ้ามันไก่" เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทำยาคือ ใบและราก ที่หากนำปริมาณ 1 กำมือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน ได้ด้วย

          นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า "ทองพันชั่ง" มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความดันโลหิตต่ำ โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน


กะเพรา

กะเพรา

กะเพรา

          แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มีสรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผงหรือฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้ด้วย

          และสรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก

กระชายดำ

กระชายดำ

กระชายดำ

          สมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย (อิอิ) เพราะสรรพคุณของกระชายดำที่ได้รับการกล่าวขานกันมากก็คือ สรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดำจะไปบำรุงกำลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น

          แต่ใช่ว่า กระชายดำ จะมีประโยชน์แค่เรื่องเพิ่มพลังทางเพศเท่านั้นนะ เพราะกระชายดำยังสรรพคุณมากมาย ทั้งบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง เป็นยาเจริญอาหาร และบำรุงธาตุ แก้หัวใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียนแน่นหน้าอก แผลในปาก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส ขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะ ฯลฯ และด้วยสรรพคุณอันแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ กระชายดำ เลยถูกขนานนามว่าเป็น "โสมไทย" ซึ่งนิยมปลูกมากจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเลยทีเดียว

ว่านชักมดลูก

ว่านชักมดลูก

ว่านชักมดลูก

          มาที่พืชสมุนไพรสำหรับสาว ๆ กันบ้าง แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เหมาะกับคุณสุภาพสตรีเป็นที่สุด เพราะเหง้าของว่านชักมดลูกมีสรรพคุณช่วยขับประจำเดือนในสตรีที่ประจำเดือนมา ไม่ปกติ ส่วนผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ว่านชักมดลูกก็จะช่วยบีบมดลูกให้เข้าอู่เร็วขึ้น ขับน้ำคาวปลา และรักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้

          นอกจากนั้น ว่านชักมดลูก ยังแก้ริดสีดวงทวาร แก้ไส้เลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ขณะที่รากของว่านชักมดลูกสามารถใช้แก้ท้องอืดเฟ้อได้อีกต่างหาก


กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง

          หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด

          แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย


มะขามป้อม

มะขามป้อม

มะขามป้อม

          เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลางที่จัดเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะมีสรรพคุณเพียบในแทบทุกส่วนของต้น แต่ที่รู้จักกันดีก็คือ ผลของมะขามป้อมจะมีรสเปรี้ยวมาก ๆ แต่ก็ชุ่มคอ และให้วิตามินซีสูงมากเช่นกัน ดังนั้น จึงมีคนนำผลมะขามป้อมสดมาใช้เป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

          นอกจากนั้นแล้ว ส่วน "ราก" ยังแก้พิษตะขาบกัด แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต แก้โรคเรื้อน ส่วนเปลือก แก้โรคบิด และฟกช้ำ ส่วนปมก้าน ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก แก้ปวดฟัน "ผลแห้ง" ใช้รักษาอาการท้องเสียง หนองใน เยื่อบุตาอักเสบ แก้ตกเลือด และส่วน "เมล็ด" ก็สามารถนำไปเผาไฟผสมกับน้ำมันพืช ทาแก้คัน แก้หืด หรือจะตำเมล็ดให้เป็นผง ชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอักเสบก็ได้


ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

          ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ รักษาโรคตับ เบาหวาน โรคงูสวัด ริดสีดวงทวาร และรสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย

          ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A , ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค , มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่ำ และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร  และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้


ย่านาง

ย่านาง

ย่านาง

          ย่านางเป็นสมุนไพรรสจืด เป็นยาเย็น มีฤทธิ์ดับพิษร้อน คนจึงนำใบย่านางไปคั้นเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ เพื่อเพิ่มความสดชื่น ปรับอุณหภูมิในร่างกาย และยังนำใบย่านางไปช่วยดับพิษไข้ ดับพิษของอาหาร แก้อาการผิดสำแดง แก้พิษเมา แก้เลือดตก แก้กำเดา ลดความร้อนได้ด้วย นอกจากใบแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของย่านางก็มีประโยชน์เช่นกัน ทั้ง "ราก" ที่ใช้แก้ไข้พิษ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทับระดู "เถาย่านาง" ใช้แก้ไข ลดความร้อนในร่างกาย

          ขณะที่ข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุว่า ย่านาง ยังช่วยต้านมาลาเรีย ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ต้านฮีสตามีน ส่วน ข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ย่านางมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย แถมยังอุดมไปด้วยเส้นในอาหาร แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ย่านางจึงเป็นหนึ่งในจำนวนผักพื้นบ้านที่นักวิจัยแนะนำให้นำมาใช้ในรูปแบบ อาหารเพื่อรักษาโรคมะเร็ง


มะรุม

มะรุม

มะรุม

          พืชสมุนไพรสุดแสนมหัศจรรย์ เพราะนอกจากจะนำมาปรุงอาหารรับประทานแล้วได้รับสารอาหารอย่างวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ใยอาหาร แล้ว มะรุม ยังเป็นยาวิเศษรักษาที่ทุกส่วนสามารถใช้รักษาได้สารพัดโรค

          เริ่มจาก "ราก" ที่จะช่วยบำรุงไฟธาตุ แก้อาการบวม "เปลือก" ใช้ประคบแก้โรคปวดหลัง ปวดข้อ รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ "กระพี้" ใช้แก้ไขสันนิบาด "ใบ" มีแคลเซียม วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ "ดอก" ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย "ฝัก" ใช้แก้ไข้หัวลม "เมล็ด" นำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้รักษาโรคปวดข้อ โรคเกาท์ รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา และ "เนื้อในเมล็ดมะรุม" ใช้แก้ไอได้ดี รวมทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย หากรับประทานเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทานมะรุม


ชุมเห็ดเทศ

ชุมเห็ดเทศ

ชุมเห็ดเทศ

          ไม้พุ่มขนาดกลาง มีดอกสีเหลือง จัดเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก โดยชุมเห็ดเทศทั้งต้น มีฤทธิ์ขับพยาธิในลำไส้ รักษาซาง โรคผิวหนัง ถ่ายเสมหะ รักษาอาการฟกช้ำบวม รักษาริดสีดวง ดีซ่าน และฝี ส่วนลำต้น จะใช้เป็นยารักษาคุดทะราด กลากเกลื้อน ช่วยขับพยาธิ ขับปัสสาวะ รักษาอาการท้องผูก

          นอกจากต้นแล้ว ใบชุมเห็ดเทศก็ได้รับความนิยมในคนที่มีอาการท้องผูกเช่นกัน เพราะสามารถนำใบซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ไปต้มน้ำกินได้ หรือจะใช้อมบ้วนปากก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากโดยเฉพาะโปตัสเซียม รวมทั้งอาจทำให้ดื้อยาได้ด้วย


บอระเพ็ด
บอระเพ็ด

บอระเพ็ด

          เมื่อเอ่ยชื่อ "บอระเพ็ด" หลายคนคงรู้สึก "ขม" ขึ้นมาทันที แต่เพราะความที่เจ้าบอระเพ็ดมีรสขมนี่ล่ะ ถึงทำให้ตัวมันเต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางยามากมาย ดังสำนวนที่ว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา"

          อย่างเช่น "ราก" สามารถนำไปดับพิษร้อน แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ช่วยให้เจริญอาหาร "ต้น" ก็ช่วยแก้ไข้ได้เช่นกัน และยังช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ร้อนใน แก้สะอึก แก้เลือดพิการ ส่วน "ใบ" นอกจากจะช่วยแก้ไข้ได้เหมือนส่วนอื่น ๆ แล้ว ยังช่วยแก้โลหิตคั่งในสมอง ขับพยาธิ แก้ปวดฝี ช่วยลดความร้อน ทำให้ผิวพรรณผ่องใส รักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย

          มาถึง "ดอก" ช่วยฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู "ผล" ใช้แก้เสมหะเป็นพิษ แก้สะอึกได้ดี แต่ถ้านำทั้ง 5 ส่วน คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล มารวมกัน "บอระเพ็ด" จะกลายเป็นยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว เพราะแก้อาการได้สารพัดโรค รวมทั้งโรคริดสีดวงทวาร ฝีในมดลูก เบาหวาน ฯลฯ


เสลดพังพอนตัวเมีย

เสลดพังพอนตัวเมีย

เสลดพังพอนตัวผู้

เสลดพังพอนตัวผู้

เสลดพังพอน

          "เสลด พังพอน" มี 2 ชนิด คือ "เสลดพังพอนตัวผู้" และ "เสลดพังพอนตัวเมีย" ซึ่งทั้งสองชนิดมีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้ถอนพิษ แต่ "เสลดพังพอนตัวผู้" จะมีฤทธิ์อ่อนกว่า และส่วนใบจะมีรสขมกว่า

          ลองไปดูสรรพคุณของ "เสลดพังพอนตัวผู้" กันก่อน "ราก" ช่วยแก้ตาเหลือง ตัวเหลือง กินข้าวไม่ได้ ถอนพิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฟัน ส่วน "ใบ" ก็ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย และยังแก้ปวดแผล แผลจากของมีคมบาด แก้โรคฝี โรคคางทูม ไฟลามทุ่ง งูสวัด เริม ฝีดาษ แก้ฟกช้ำ น้ำร้อนลวก ยุงกัด แก้ปวดฟัน เหงือกบวม

          ส่วน "เสลดพังพอนตัวเมีย" จะนำรากมาปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้ปวดเมื่อยที่เอว ส่วน "ใบ" ซึ่งมีรสจืดจะนำมาสกัดทำเป็นยาใช้รักษาแผลผิวหนังชนิดเริม แผลร้อนในในปาก แผลน้ำร้อนลวกได้ นอกจากนั้น ส่วนทั้ง 5 คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล สามารถใช้ถอนพิษต่าง ๆ ได้ดี ทั้งพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ลมพิษ แผลน้ำร้อนลวก


มะแว้ง

มะแว้ง

มะแว้ง

          มีทั้ง "มะแว้งต้น" และ "มะแว้งเครือ" ที่มีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ เราจึงมักเห็นมะแว้งถูกนำมาผสมเป็นยาอมช่วยแก้ไอ ซึ่งตามตำรับยาแก้ไอแล้ว สามารถใช้ได้ทั้ง ราก ใบ ผล นอกจากนั้น ยังช่วยลดน้ำลายเหนียว บำรุงธาตุ รักษาวัณโรค แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้โรคหอบหืดได้ด้วย

          นอกจากนั้น ลูกมะแว้งเครือสามารถนำไปปรุงอาหาร ทานเป็นผักได้ ส่วนลูกมะแว้งต้นก็ใช้ปรุงอาหารได้เช่นกัน แต่คนนิยมน้อยกว่าลูกมะแว้งเครือ


รางจืด , ว่านรางจืด

รางจืด

รางจืด

          เมื่อพูดถึงสมุนไพรถอนพิษ หลายคนนึกถึง "รางจืด" หรือ "ว่านรางจืด" ทันที เพราะส่วนใบและรากของรางจืดสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษยาฆ่าแมลงได้ มีประโยชน์ในเวลาที่หากใครเกิดเผลอทานยาฆ่าแมลง ยาพิษ หรือยาเบื่อเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และอยู่ไกลโรงพยาบาล การทานรากรางจืดก็จะช่วยบรรเทาพิษในเบื้องต้นได้

          นอกจากนั้นแล้ว รางจืด ยังสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ พิษแอลกอฮอล์ พิษสำแดง บรรเทาอาการเมาค้าง บรรเทาอาการผื่นแพ้ เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ แล้วรู้ไหมว่า ยังมีงานวิจัยจากกลุ่มหมอพื้นบ้านพบว่า การนำรางจืดไปต้มแล้วนำมาอาบจะช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง และหากนำรากรางจืดมาฝนกับน้ำซาวข้าวแล้วนำไปทาหน้า จะทำให้หน้าขาว ไม่มีสิวฝ้าอีกด้วย อุ้ย...สาว ๆ ยิ้มเลยทีนี้


กระวาน

กระวาน

กระวาน

          เป็นสมุนไพรไทยที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ มักพบขึ้นอยู่ตามป่าที่มีความชื้นสูง เช่น ป่าแถบเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี รวมทั้งแถบจังหวัดตราด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสรรพคุณหลัก ๆ คือ ใช้เป็นยาขับลม บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผสมในยาถ่ายเป็นใช้ช่วยถ่ายท้องได้

          นอกจากนั้น "ราก" ยังช่วยฟอกโลหิต แก้ลม รักษาโรครำมะนาด "เมล็ด" ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ "เหง้าอ่อน" ใช้รับประทานเป็นผัก "หัวและหน่อ" ช่วยขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง "แก่น" ใช้ขับพิษร้าน รักษาโรคโลหิตเป็นพิษ "กระพี้" รักษาโรคผิวหนัง บำรุงโลหิต ส่วน "ใบ" ใช้แก้ลมสันนิบาต ขับเสมหะ แก้ไข้เซื่องซึม แก้จุกเสียด บำรุงกำลัง "ผลแก่" มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมคล้ายการบูร มีฤทธิ์ขับลม ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด

กานพลู

กานพลู

กานพลู

          ใครที่ปวดฟัน นี่คือสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้เป็นอย่างดี โดยตามตำรับยา ให้นำดอกที่ตูมไปแช่เหล้าขาว แล้วเอาสำลีไปชุบน้ำมาอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ เพราะน้ำมันหอมระเหยในกานพลูมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ หรือจะเคี้ยวทั้งดอกแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟันก็ได้ นอกจากนั้น ยังนำไปผสมน้ำเป็นน้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้รำมะนาดได้

          กานพลูยังมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ฉะนั้น ใครที่มีอาการปวดท้อง กานพลู ก็ช่วยลดอาการปวดท้อง ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดจากการย่อยอาหารได้ เพราะจะไปช่วยขับน้ำดีมาย่อยไขมันได้มากขึ้น แถมยังกระตุ้นการหลั่งเมือก และลดภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหารได้ด้วย


หญ้าหนวดแมว

หญ้าหนวดแมว

หญ้าหนวดแมว

          ไม้ล้มลุกขนาดเล็กที่มีสรรพคุณไม่น้อย โดย "ราก" สามารถใช้ขับปัสสาวะได้ "ใบ" ใช้รักษาโรคไต ช่วยขับกรดยูริกออกจากไต รักษาโรคเบาหวาน อาการปวดหลัง ไขข้ออักเสบ ลดความดันโลหิต "ต้น" ก็ใช้แก้โรคไต ขับปัสสาวะได้เช่นกัน และยังช่วยรักษาโรคนิ่ว โรคเยื่อจมูกอักเสบได้ โดยนำต้นสด หรือต้นแห้ง หรือใบอ่อน หรือใบตากแห้ง ไปชงกับน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร ห้ามนำไปต้ม และไม่ควรใช้ใบแก่ หรือใบสด เพราะมีฤทธิ์กดหัวใจ ทำให้ใจสั่นและคลื่นไส้ได้

          ข้อ ควรระวังก็คือ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไต ห้ามรับประทาน เพราะในหญ้าหนวดแมวมีโพแทสเซียมสูงมาก และไม่ควรรับประทานหญ้าหนวดแมวร่วมกับแอสไพริน เพราะจะยิ่งทำให้ยาจำพวกแอสไพรินไปจับกล้มเนื้อหัวใจมากขึ้น


บัวบก


บัวบก

          หลายคนอาจเคยดื่มน้ำใบบัวบก ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วช่วยแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำได้ดีนักแล ซึ่งนอกจากใบบัวบกจะนำมาคั้นน้ำดื่มได้แล้ว ยังสามารถนำไปทาแผล ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผลได้ด้วย เพราะในใบมีกรดมาดีคาสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียติก (asiatic acid) ที่มีฤทธิ์สมานแผน ไม่ว่าจะเป็นแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

          นอก จากนั้น ใบบัวบกยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อเป็นหนองในได้  วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ นำใบบัวบกสดทั้งต้น 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็นแผลเป็นบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

          ส่วนต้นของใบบัวบก ก็มีสรรพคุณทางยามากมายไม่แพ้ใบ โดยสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้พิษงูกัด แก้ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ ใช้เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน แก้ช้ำในได้เช่นกัน และถ้าใครชอบทำอาหาร อย่าลืมใส่ใบบัวบกลงผสมลงไปในเมนูของคุณด้วย เพราะในใบบัวบกมีสารอาหารเพียบ โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีสูงมาก และยังให้คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน และไนอาซีน เรียกว่า คุณค่าครบเลยล่ะ

          จะ เห็นได้ว่าสมุนไพรใกล้ตัวมากมายเหล่านี้มีประโยชน์อย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน แต่คำนึงไว้ด้วยว่า สมุนไพรจะรักษาโรคได้ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการใช้สมุนไพรตามตำรับยาด้วย และ ที่สำคัญ คือสมุนไพรบางชนิดก็ไม่เหมาะกับคนที่ป่วยด้วยโรคบางประเภท หรือสตรีมีครรภ์ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูล และข้อควรระวังทุกครั้งก่อนจะใช้สมุนไพรจะดีที่สุดค่ะ